Coq10

CoQ10 คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไร เรามาทำความรู้จักกันก่อนดีกว่า ก่อนที่จะเลือกซื้้อนะค่ะ

อย่างแรก เรามารู้จักกับ เซลล์ กันก่อนนะ เซลล์นั้นเป็นโครงสร้างที่สำคัญที่สุด ในสิ่งมีชีวิตทุกชนิดค่ะ ซึ่งในแต่ละเซลล์นั้นจะมีองค์ประกอบที่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวของมันเอง โดยจะนำสารอาหารต่างๆเข้าไปและเปลี่ยนสารอาหารที่เข้าไป ให้กลายเป็นพลังงานเพื่อทำให้ตัวเองอยู่รอด และสิ่งสำคัญในการสร้างพลังงานของเซลล์นั้น จะเกิดขึ้นได้ที่บริเวณ ในส่วนที่เรียกกันว่า “ไมโตครอนเดรีย (Mitochondria)” ซึ่งถ้าเซลล์นั้นได้ รับพลังงานไม่เพียงพอก็จะทำให้ตัวมันเองทำงานผิดปกติ ตัวอย่างเช่น หากเซลล์ ที่หัวใจไม่ได้รับพลังงานที่เพียงพอ หัวใจก็จะไม่สามารถทำงานได้เป็นปกติ หรือ หากเซลล์ที่ ผิวหนังไม่มีพลังงานก็จะทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่นก่อนวัยอันควรนั่นเองค่ะ

โคเอนไซม์ คิวเทน (Coenzyme Q-10) เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ยูบิควิโนน (Ubiquinone) หรือเรียกสั้นๆ ว่า Co Q10 หลายคนคงสงสัยว่า Q10 มาจากอะไร ตัว Q มาจากสารชื่อควิโนน 10 มาจากจำนวนของสารไอโซพรีนิลที่มากเกาะกับควิโนน และเป็นตัวที่ช่วยการทำงานของเอนไซม์จึงเรียกว่า โคเอนไซม์

คุณสมบัติของโคเอนไซม์ คิวเทนคือละลายได้ดีในไขมัน หน้าที่คือช่วยในการสร้างพลังงานให้แก่เซลล์ พบว่า 95% ของพลังงานที่ร่างกายมนุษย์สร้างขึ้นต้องใช้โคเอนไซม์ คิวเทน ร่างกายสามารถสร้างโคเอนไซม์ คิวเทนขึ้นเองได้โดยอาศัยกรดอะมิโนฟีนิลอะลานีนหรือไทโรซีนตัวใดตังหนึ่งจากอาหารหมู่โปรตีน และวิตมมินบี 6 อาหารที่เป็นแหล่งของโคเอนไซม์ คิวเทน เช่น ปลา ไก่ เนื้อ น้ำมันถั่วเหลือง ไข่ ผัก

การปรุงอาหารด้วยความร้อนจะทำลายโคเอนไซม์ คิวเทนลงไป 14-32% ดังนั้นจึงควรเลี่ยงการปรุงอาหารที่ผ่านความร้อนเป็นเวลานาน ไม่ใช่เห็นว่าเนื้อหมูมีโคเอนไซม์ คิวเทนสูง หากรับประทานเนื้อหมูแล้วจะได้โคเอนไซม์ คิวเทนสูงตาม ถ้าเนื้อหมูนั้นต้มหรือทอดนาน โคเอนไซม์ คิวเทนก็สลายไปหมด ในประเทศที่พัฒนาแล้วมีการประมาณว่าคนส่วนใหญ่ได้รับโคเอนไซม์ คิวเทนวันละ 3-6 มิลลิกรัม

CoQ10 เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์แรง จึงจะช่วยลดความเสื่อมของเซลล์ในร่างกายได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เซลล์ที่กล้ามเนื้อหัวใจ จะช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนให้แก่เซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆ ลดอนุมูลอิสระได้ และยังมีบทบาทสำคัญในการบำรุงผิวพรรณ ช่วยฟื้นฟูสภาพของผิว ป้องกันริ้วรอย และชะลอการแก่ก่อนวัยได้ เสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันต่างๆ ในร่างกาย และเป็นตัวร่วมในกระบวนการหายใจระดับเซลล์ อย่างไรก็ตามเมื่อ เราอายุเพิ่มมากขึ้น การสร้างโคเอนไซม์ คิวเทนในร่างกายจะลดลงไปเรื่อยๆอีกด้วยค่ะ

โคเอนไซม์คิวเทน จะช่วยป้องกันและรักษาโรคหัวใจได้ และยังช่วยชะลอการเกิดโรคพาร์กินสัน (Parkinson’s disease) พบว่าผู้ป่วยโรค พาร์กินสัน เบาหวาน มะเร็ง เอดส์ จะมีปริมาณโคเอนไซม์ คิวเทนที่ต่ำ โคเอนไซม์ คิวเทนลดการสันดาปไขมัน ลดไขมันในเลือด และ ลดคอเลสเตอรอล

ประมาณ 40% ของคนไข้ที่ป่วยเป็น ความดันโลหิตสูง จะขาด CoQ10 และเมื่อให้คนไข้ที่ป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูง 10ค คนรับประทาน CoQ10 255 มิลลิกรัม โดยกินติดต่อกันนาน 4 เดือน ได้พบว่าความดันโลหิตลดต่ำลง โดยสามารถลดความดันโลหิตเฉลี่ยจาก 160/94 ไปเป็น 14/85

การวิจัยจากประชากรกลุ่มใหญ่ (Meta analysis) คนไข้ 361คนจาก 12 คลินิก พบว่า CoQ10 ลดความดันโลหิตค่าหัวใจบีบตัวลง 17 มิลลิเมตรปรอท ส่วนค่าหัวใจคลายตัวลง 10 มิลลิเมตรปรอท ปราศจากผลข้างเคียงใดๆ

การรับประทาน CoQ10 60 มิลลิกรัม 2 ครั้งต่อวัน นาน 8 สัปดาห์ ไขมันในเลือด สามารถลดน้ำตาลในเลือด และผลเสียจาการสันดาปไขมันได้

สำหรับผู้ป่วยโรคพาร์กินสันทั้งหมด 80 คนรับประทาน CoQ10 1,200 มิลลิกรัมหรือ 1.2 กรัม ได้พบว่าลดอาหารของโรคได้ 44%

ดังนั้นพลังงานในระดับ cell จึงเป็นส่วนสำคัญอย่างมาก สำหรับเราเมื่อเรามองเห็นถึงความสำคัญของพลังงานในระดับ cell แล้ว ก็จะเกิดคำถามขึ้นมาว่า แล้วเราจะทำให้มีการผลิตพลังงานระดับ cell ได้อย่างสมบูรณ์อย่างไร ซึ่งคำตอบก็คือ “โคเอ็นไซม์คิวเท็น” CoQ10 เป็นสารซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญมากในไมโตคอนเดรีย (Mitochondria) นั้นเองจ้า ซึ่งไมโตคอนเดรียนี้จะทำหน้าที่ผลิตพลังงานให้แก่เซลล์ โดยพลังงานดังกล่าวนั้น จะอยู่ในรูป ATP(Adenosine triphosphate) โดยเป็นพลังงาน ในขั้นพื้นฐานของ cell นั่นเอง สรุปแล้วหน้าที่หลักของ CoQ10 คือช่วยในการเร่งปฏิกิริยาผลิตพลังงานภายในร่างกายทั้งหมดค่ะ